การพัฒนาและการแพร่กระจายของสารสนเทศที่มาในหลากหลายรูปแบบและหลากหลายสื่อทั้งระดับท้องถิ่นระดับชาติ และระดับนานาชาติ ได้ส่งผลให้บรรณารักษ์ต้องส่งเสริมการบริการสารสนเทศทุกวิถีทาง การศึกษาขั้นอุดมศึกษากำลังเผชิญกับอาจารย์ผู้สอนรุ่นใหม่ที่หลั่งไหลเข้ามาพร้อมกับแหล่งสารสนเทศที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะกล่าวถึงคำจำกัดความของการบริหารความเสี่ยง และการจำแนกประเภทของความเสี่ยงในสภาพแวดล้อมของห้องสมุด การประยุกต์หลักการบริหารความเสี่ยงในห้องสมุดเริ่มตั้งแต่ประเด็นการพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศไปจนถึงสำนักพิมพ์/ตัวแทนร้านค้าตามความแตกต่างของประเภททรัพยากรสารสนเทศ
ประเภทของความเสี่ยง ประกอบด้วย
• การประเมินองค์กร
• การบริหารทรัพยากรสารสนเทศที่มีให้บริการ
• สิทธิในการเข้าถึงของผู้ใช้บริการ
• การเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
• การโอนย้ายข้อมูล
• ภาคีความร่วมมือระหว่างห้องสมุด
• การฝึกอบรมและการสรรหาบุคลากร
• การอนุรักษ์
• การใช้เทคโนโลยีของนักศึกษา คณาจารย์ และบุคลากรห้องสมุด
กลยุทธ์สำหรับการบริหารความเสี่ยง อธิบายได้ดังนี้
• จัดให้มีการอภิปราย/การประชุมกลุ่มย่อย ฯลฯ เพื่อทราบความต้องการของผู้ใช้บริการทั้งอาจารย์ และนักศึกษาพบปะกับตัวแทนขององค์กรประเภทต่างๆ เช่น ห้องสมุดโรงเรียน หรือสมาคมวิชาชีพ เพื่อค้นหาแผนการเรียนการสอนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศให้มีความสอดคล้องกัน
• ปรึกษาหารือกับสำนักพิมพ์/ตัวแทนร้านค้าเพื่อให้การบริหารทรัพยากรสารสนเทศครอบคลุมความต้องการความจำเป็น และการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
• รวบรวมทรัพยากรสารสนเทศจากแหล่งภายนอก การใช้ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกัน และการเข้าถึงฐานข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
• รวมกันเป็นภาคีห้องสมุดเพื่อร่วมกันพัฒนาทรัพยากรสารสนเทศ การจัดการเนื้อหา การบริการและการอนุรักษ์สารสนเทศ
• จ้างบุคลากรที่มีทักษะตรงกับความต้องการและพัฒนาทักษะให้แก่บุคลากรที่มีอยู่แล้ว โดยจัดให้มีการฝึกอบรมภายใน
• กำหนดรูปแบบการอนุรักษ์ทรัพยากรสารสนเทศร่วมกันระหว่างห้องสมุด ทั้งเรื่องอุปกรณ์สำหรับจัดเก็บที่เหมาะสม ซอฟต์แวร์ที่พร้อมใช้งาน และการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ เป็นต้น
ผู้เขียนได้สรุปว่า บุคลากรวิชาชีพห้องสมุดควรใส่ใจเตรียมมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงไว้ล่วงหน้าและจัดบริการที่ปราศจากซึ่งความเสี่ยงให้แก่ผู้ใช้