ข้อกำหนดทั่วไปของบทความ

    1) บทความที่นำเสนอจะต้องมีสาระที่น่าสนใจ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นองค์ความรู้ใหม่ หรือนำเสนอองค์ความรู้เดิมในมุมมองใหม่ ไม่เคยถูกนำไปตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารอื่นใดมาก่อน และไม่อยู่ระหว่างการพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารอื่นใด ประเภทบทความที่จะรับไว้พิจารณา ได้แก่ บทความวิจัย บทความวิชาการ บทความปริทัศน์ และบทความแนะนำหนังสือทางด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  เทคโนโลยีสารสนเทศ  ได้แก่ สาขาบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์  เทคโนโลยีสารสนเทศ ศิลปศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ และสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    2) บทความที่นำเสนอในแต่ละประเภทมีลักษณะดังต่อไปนี้

        2.1) บทความวิจัย (Research article) เป็นบทความที่นำเสนอผลการดำเนินการวิจัยอย่างเป็นระบบ และได้บรรลุวัตถุประสงค์ของการวิจัย ประกอบด้วย ชื่อเรื่องและรายละเอียดผู้เขียน และเนื้อหางานวิจัย ซึ่งประกอบไปด้วย บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์การวิจัย สมมติฐาน (ถ้ามี) ขอบเขตการวิจัย ทบทวนวรรณกรรม กรอบแนวคิดในการวิจัย (ถ้ามี) วิธีดำเนินการวิจัย เครื่องมือในการวิจัย ผลการวิจัย สรุปอภิปรายผลการวิจัย ข้อเสนอแนะ และเอกสารอ้างอิง ทั้งนี้ผู้เขียนบทความจะต้องกำหนดคำสำคัญ (Keyword) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างละ 3-5 คำ ไว้ท้ายบทคัดย่อแต่ละภาษา

        2.2) บทความทางวิชาการ (Academic article) เป็นงานเขียนทางวิชาการซึ่งมีการกำหนดประเด็นที่ต้องการอธิบายหรือวิเคราะห์อย่างชัดเจน ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ประเด็นดังกล่าวตามหลักวิชาการโดยมีการสำรวจวรรณกรรมเพื่อสนับสนุนจนสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ในประเด็นนั้นได้ อาจเป็นการนำความรู้จากแหล่งต่างๆ มาประมวลร้อยเรียงเพื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยผู้เขียนแสดงทัศนะทางวิชาการของตนไว้อย่างชัดเจนด้วย  บทความทางวิชาการ ประกอบไปด้วย ชื่อเรื่องและรายละเอียดผู้เขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทคัดย่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทนำ วัตถุประสงค์ เนื้อหา บทสรุป และเอกสารอ้างอิง ทั้งนี้ผู้เขียนบทความจะต้องกำหนดคำสำคัญ (Keyword) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ อย่างละ 3-5 คำ  ไว้ท้ายบทคัดย่อแต่ละภาษา

        2.3) บทความปริทัศน์ (Review article) เป็นบทความที่เขียนจากการรวบรวมความรู้ในเรื่องที่น่าสนใจในปัจจุบันเรื่องใดเรื่องหนึ่งผ่านกระบวนการ วิเคราะห์ สังเคราะห์ เปรียบเทียบ และ/หรือ วิจารณ์ เพื่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้ในมุมมองใหม่ ประกอบด้วย ชื่อเรื่องและรายละเอียดผู้เขียนภาษาไทยและภาษาอังกฤษ บทนำ เนื้อหา บทวิจารณ์ บทสรุป และเอกสารอ้างอิง

       2.4) บทความแนะนำหนังสือ เป็นบทความที่เขียนสรุปสาระสำคัญของหนังสือ พร้อมมีข้อวิจารณ์หรือความคิดเห็นตามสมควร ทั้งนี้ให้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อผู้แต่ง ชื่อหนังสือ และพิมพลักษณ์

    3) ต้นฉบับมีความยาวประมาณ 15-17 หน้ากระดาษ เอ 4 (รวมรายการอ้างอิง) สำหรับบทความวิจัย   12-15 หน้ากระดาษ เอ 4 (รวมรายการอ้างอิง) สำหรับบทความวิชาการและบทความปริทัศน์   ส่วนบทความแนะนำหนังสือ ความยาวไม่เกิน 10 หน้ากระดาษ เอ 4

    4) บทความมีการอ้างอิงในเนื้อหาระบบนาม-ปี และมีการเขียนรายการบรรณานุกรมท้ายบทความ โดยใช้รูปแบบ American Psychological Association (APA 6th edition)

การส่งบทความเพื่อพิจารณาตีพิมพ์

สามารถส่งบทความเป็นไฟล์ word นามสกุล .doc หรือ .docx พร้อมกับแนบไฟล์ pdf เพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในวารสารฯ ได้ที่ http://rilj.rsu.ac.th/ 

วารสารรังสิตสารสนเทศ ได้รับรองคุณภาพมาตรฐานโดยได้บรรจุในฐานข้อมูลศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) เรียบร้อยแล้ว จึงกำหนดอัตราการเก็บค่าธรรมเนียมการตีพิมพ์บทความวารสารรังสิตสารสนเทศ บทความละ 3,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
 

การดำเนินการของกองบรรณาธิการ

     1) บทความจะต้องอยู่ในขอบข่ายการตีพิมพ์ของวารสารฯ ต้องมีคุณค่าทางวิชาการ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เนื้อหาสมบูรณ์ ถูกต้อง ชัดเจน และมีการอ้างอิงและการเขียนบรรณานุกรมอย่างถูกต้อง

2) บทความต้องได้รับการประเมินจากผู้ทรงคุณวุฒิอย่างน้อยจำนวน 3 คน  และ/หรือ ผ่านการพิจารณาจากกองบรรณาธิการเป็นรายกรณี

     3) สำหรับบทความที่ได้รับการพิจารณาให้ตีพิมพ์อย่างมีเงื่อนไข ผู้เขียนบทความนั้นต้องดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสมบูรณ์ภายในระยะเวลาที่กองบรรณาธิการกำหนด เมื่อบทความได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บทความดังกล่าวจะถูกนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ของวารสารฯ ด้วย และเจ้าของบทความจะได้รับเล่มวารสารฯ ที่มีบทความของตนอยู่ จำนวนบทความละ 1 เล่ม
 

 คำแนะนำในการเขียนและการพิมพ์

    ข้อกำหนดในการเตรียมต้นฉบับบทความ

   1) ขนาดกระดาษ   A 4

   2) กรอบของข้อความ ในแต่ละหน้าให้มีขอบเขตดังนี้ จากขอบบนของกระดาษ 1.25 นิ้ว ขอบล่าง 1.0 นิ้ว ขอบซ้าย 1.25 นิ้ว ขอบขวา 1.0 นิ้ว

   3) ระยะห่างระหว่างบรรทัด   หนึ่งช่วงบรรทัดของเครื่องคอมพิวเตอร์ 6 point

   4) จัดหน้าเป็นแบบ 1 คอลัมน์

   5) ตัวอักษร ภาษาไทยและภาษาอังกฤษใช้ตัวอักษรแบบ Cordia New และพิมพ์ตามที่กำหนดดังนี้

  • ชื่อเรื่อง (Title)

- ภาษาไทย ขนาด 18  point   กำหนดตรงกลาง   ตัวหนา

- ภาษาอังกฤษ (ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่) ขนาด 18 point   กำหนดตรงกลาง   ตัวหนา

- บทความจากวิทยานิพนธ์หรือส่วนหนึ่งของการศึกษา ให้ระบุข้อความไว้ที่ส่วนขยายใต้ชื่อผู้เขียน (ทุกคน)  เช่น "บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์เรื่อง..." หรือ "บทความนี้ปรับปรุงจากวิทยานิพนธ์เรื่อง..." พร้อมระบุปริญญา สาขาวิชา สถาบัน และปี

  • ชื่อผู้เขียน (ทุกคน)

- ชื่อผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาด 14 point  กำหนดชิดขวา

- ชื่อหน่วยงานของผู้เขียน ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ขนาด 14 point  กำหนดชิดซ้าย  ตามด้วยอีเมล์

  • บทคัดย่อ

- ชื่อ “บทคัดย่อ” และ “Abstract” ขนาด  16 point  กำหนดตรงกลาง  ตัวหนา

- ข้อความบทคัดย่อภาษาไทย ขนาด 14 point   กำหนดชิดขอบ   ตัวธรรมดา

- ข้อความบทคัดย่อภาษาอังกฤษ ขนาด 14 point   กำหนดชิดขอบ  ตัวธรรมดา

- ย่อหน้า 0.5  นิ้ว

- ผู้เขียนต้องตรวจสอบความถูกต้องทางไวยากรณ์และการใช้ภาษาของบทคัดย่อเอง

  • คำสำคัญ (Keyword)  ให้พิมพ์ต่อจากส่วนของบทคัดย่อ (Abstract)  ควรเลือกคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับบทความ ประมาณ 3-5  คำ ใช้ตัวอักษรภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ ขนาด 14  point
  • รายละเอียดบทความ

- หัวข้อใหญ่ ขนาด 16 point   กำหนดชิดซ้าย   ตัวหนา (ไม่มีลำดับตัวเลข)

- หัวข้อรอง ขนาด 14 point   กำหนดชิดซ้าย   ตัวหนา

- ตัวอักษร ขนาด 16 point   กำหนดชิดขอบ   ตัวธรรมดา

- ย่อหน้า 0.5  นิ้ว
 

ส่วนประกอบของประเภทบทความ

  1. บทความทางวิชาการ ประกอบด้วย บทนำ  เนื้อหา  บทสรุป และเอกสารอ้างอิง
  2. บทความวิจัย ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา  วัตถุประสงค์ของการวิจัย  สมมติฐาน (ถ้ามี)  

ขอบเขตของการวิจัย ทบทวนวรรณกรรม กรอบแนวคิดในการวิจัย (ถ้ามี) วิธีดำเนินการวิจัย เครื่องมือในการวิจัย ผลการวิจัย สรุปอภิปรายผลการ วิจัย ข้อเสนอแนะ  และเอกสารอ้างอิง

  1. คำศัพท์ ให้ใช้ศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน
  2. ภาพและตาราง กรณีมีภาพและตารางประกอบ ชื่อภาพให้ระบุคำว่า ภาพที่ ไว้ใต้ภาพประกอบ และจัดข้อความบรรยายภาพให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ ชื่อตารางให้ระบุคำว่า ตารางที่ พร้อมทั้งข้อความบรรยายตาราง      หัวตารางให้จัดชิดซ้ายของหน้ากระดาษ และใต้ภาพประกอบหรือตารางให้บอกแหล่งที่มาให้ชัดเจนและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น โดยพิมพ์ห่างจากชื่อภาพประกอบหรือเส้นคั่นใต้ตาราง 1 บรรทัด (ใช้ตัวอักษรขนาด 14 point  ตัวธรรมดา) โดยแผนภาพ แผนภูมิ ตารางที่ใช้ในบทความ ให้ทำเป็นไฟล์ภาพ (นามสกุล .jpg หรือ .png)
  3. การพิมพ์อ้างอิงที่แทรกในเนื้อหาของบทความ

1)  ในกรณีที่มีการอ้างอิงแทรกในเนื้อเรื่อง ให้ใช้การอ้างอิงในส่วนเนื้อเรื่องแบบระบบชื่อ-ปี (name-year system)  โดยระบุชื่อผู้แต่งและปีพิมพ์ของเอกสาร ไว้ข้างหน้าหรือข้างท้ายข้อความที่ต้องการอ้าง เพื่อบอกแหล่งที่มาของข้อความนั้น

2)  การอ้างอิงแทรกในตารางหรือในคำอธิบายตารางให้ใช้หมายเลขที่สอดคล้องกับที่ได้อ้างอิงมาก่อนแล้วในเนื้อหา

  1. การพิมพ์เอกสารอ้างอิงท้ายบทความ

1)  เอกสารอ้างอิงทุกลำดับจะต้องมีการอ้างอิงหรือกล่าวถึงในบทความ และผู้เขียนต้องรับผิดชอบความถูกต้องของเอกสารที่นำมาอ้างอิง

2)  ถ้ารายละเอียดของเอกสารอ้างอิงมีความยาวมากกว่าหนึ่งบรรทัดให้พิมพ์ต่อบรรทัดถัดไปโดยย่อหน้า (โดยเว้นระยะ 7 ช่วงตัวอักษรหรือเริ่มพิมพ์ช่วงตัวอักษรที่ 8

3)  จัดเรียงลำดับเอกสารอ้างอิงท้ายบทความ หรือการเรียงบรรณานุกรมให้ใช้หลักการเดียวกับการเรียงคำในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือ Dictionary ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป โดยคำที่มีตัวสะกดจัดเรียงไว้ก่อนคำที่มีรูปสระตามลำดับตั้งแต่ กก-กฮ และ AA-AZ

 

การจัดพิมพ์เอกสารอ้างอิงท้ายบทความจะแตกต่างกันตามชนิดของเอกสารที่นำมาอ้างอิง

โดยให้จัดพิมพ์ตามรูปแบบการเขียนบรรณานุกรมแบบ APA 6th edition ดังนี้

 

1.  อ้างอิงจากหนังสือ ใช้รูปแบบดังนี้

ชื่อผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อเรื่อง./ครั้งที่พิมพ์ (ถ้ามี) (พิมพ์ครั้งที่ 2 เป็นต้นไป). /เมืองที่พิมพ์:/สำนักพิมพ์.

ตัวอย่าง

บุญเรียง ขจรศิลป์. (2539). วิธีวิจัย ทางการศึกษา Educational Research Methodology (พิมพ์ครั้งที่ 4). กรุงเทพฯ:

            ศูนย์หนังสือจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

Kother, P., & Gary, A. (2003). Principles of Marketing (9th ed.). Boston: McGraw-Hill.

 

2.  อ้างอิงจากวารสาร ใช้รูปแบบดังนี้

ชื่อ/ชื่อสกุลผู้เขียนบทความ./(ปีพิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร./ปีที่(ฉบับที่),/หน้าที่อ้าง.

ตัวอย่าง

อารีย์วรรณ  สุทธิพงศ์พันธ์. (2561). การบริหารวิชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าตามแนวคิดคุณลักษณะความเป็นผู้นำ

              ทางทหารและความมั่นคงของชาติในศตวรรษที่ 21. สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ, 9(2), 49-62.

Doran, K. (1996). Unified Disparity: Theory and Practice of Union Listing. Computer in Libraries, 16(1), 39-42.

 

 3.  อ้างอิงจากเอกสารประกอบการประชุมทางวิชาการ/หนังสือรวมบทความวิชาการ ใช้รูปแบบดังนี้

ชื่อผู้เขียน./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความหรือชื่อตอน./ใน//ชื่อหนังสือ./ชื่อบรรณาธิการหรือชื่อผู้รวบรวม(ถ้ามี)./(หน้าที่ตีพิมพ์บทความหรือตอนนั้น)./ครั้งที่พิมพ์./สถานที่พิมพ์:/ชื่อสำนักพิมพ์หรือผู้จัดพิมพ์.

ตัวอย่าง

แม้นมาส  ชวลิต. (2526). การก้าวเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของห้องสมุด. ใน เอกสารการสัมมนาทางวิชาการเรื่อง ก้าวแรกของ

           การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของห้องสมุด (หน้า 1-7). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

Tichner, F. J. (1981). Apprenticship and Employee Training.  In The New Encyclopedia Britannica, Macropedia

             (V1, pp. 1018-1023).  Chicago:  Encyclopedia  Britannica.

4.  อ้างอิงจากปริญญานิพนธ์หรือวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ ใช้รูปแบบดังนี้

ชื่อผู้เขียน./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อเรื่อง./(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต หรือ Master’s thesis หรือ ปริญญานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต หรือ Doctoral dissiertation)./สถานที่พิมพ์:/ชื่อมหาวิทยาลัย.

ตัวอย่าง

ดนัยศักดิ์ โกวิทวิบูล. (2543). ความต้องการและลักษณะการใช้สารนิเทศของนักศึกษาในสำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยรามคำแหง. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต). กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยรามคำแหง.

Patamaporn Yenbamrung. (1992). The Emerging Electeronic  Univesrsity: A Study of Student Cost-Effectiveness. (Doctoral dissiertation), TX: The University of Texas at Austin.

 5.  อ้างอิงจากแหล่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ ใช้รูปแบบดังนี้

5.1 ข้อมูลที่เป็นบทความจากวารสารออนไลน์

ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์)./ชื่อบทความ./ชื่อวารสาร./ปีที่(ฉบับที่),/หน้า(ถ้ามี)./สืบค้น วัน เดือน ปี, (หรือ Retrieved เดือน วัน, ปี),/ จาก(from) ชื่อเว็บไซต์.

ตัวอย่าง

พิษณุ กล้าการนา. (2545). เตรียมรับมือกับภาวะโลกร้อน. หมออนามัย, 11(6). สืบค้น 21 มิถุนายน 2560, จาก https://moph.go.th/ops/doctor/backreport.htm

Exon, A. (1987). Getting to Know the User Better. Aslib Proceedings, 30(6), 352-364. Retrieved October 12, 2008, from https://proquest.umi.com/pqdweb?did=731829191&sid=2&Fmt=2&clientId=83700&RQT=309& VName=PQD

5.2  ข้อมูลจากเว็บไซต์

ผู้แต่ง./(ปีที่พิมพ์หรือปีที่สืบค้น)./ชื่อเรื่อง./สืบค้น วัน เดือน ปี (หรือ Retrieved เดือน วัน, ปี),/จาก(from) ชื่อเว็บไซต์.

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2550). กรอบทิศทางการพัฒนาการศึกษาตามแผนการศึกษาแห่งชาติ (พ.ศ. 2545 –

            2559) ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554). สืบค้น 20 พฤศจิกายน

               2550, จาก https://www.moe.go.th/webbpp/download/crisp_ direction.pps.

Barnard, J. P. (2000). A Study of Internet and Library Use in an Academic Setting. Arizona: Arizona State

            University. Retrieved October 12, 2008, from https://proquest.umi.com/ 

              pqdweb?did=731829191&sid=2&Fmt=2&clientId=83700&RQT=309&VName=PQD